top of page

OSPF DR/BDR Election


การเลือก DR/BDR

            ในเครือข่ายแบบ Multi-Access อย่างเช่น Ethernet จะมีกระบวนการในการเลือก DR (Designated Router) และ BDR (Backup Designated Router) ทำไมต้องมีการเลือก DR/BDR ในเครือข่ายแบบ Multi-Access นี้ด้วย?

            ขอยกตัวอย่างตามรูป Diagram ด้านล่าง ใน Diagram Router R1,R2,R3 และ R4 เชื่อมต่อผ่าน Switch และเป็นสมาชิกใน VLAN เดียวกัน หรืออยู่ใน Broadcast Domain เดียวกัน จะต้องมีการ Update แลกเปลี่ยน LSA ระหว่างกันกับ Router แต่ละตัว เพื่อท้ายที่สุดแล้วจะได้มี Topology ที่เหมือนกันทั้ง Area


 



จะเห็นปัญหาแล้วว่า Router ทุกตัวจะแลกเปลี่ยน LSA (Link State Advertisement) ซึ่งกันและกันโดยตรง จึงทำให้ได้รับ LSA ที่ซ้ำกัน เพื่อการลดปัญหาของการ Update ข้อมูลซ้ำๆ ใน Network แบบ Multi-Access นี้ จึงมีการเลือกหัวหน้าและรองหัวหน้าขึ้นมา แทนที่ Router ทุกตัวจะส่ง Update เข้าหาด้วยกันโดยตรง ก็จะส่งไปยังหัวหน้าและรองหัวหน้าแทน ตามรูปด้านล่าง



ลำดับการเลือก DR กับ BDR

            สำหรับการเลือก DR/BDR ในเครือข่ายที่เป็น Multi-Access มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

            1.เลือก DR/BDR จากค่า Priority โดยถ้าหาก Router ใดมีค่า Priority ที่มากที่สุด Router ตัวนั้นจะได้เป็น DR และค่า Priority ที่รองลงมาจะเป็น BDR สำหรับค่า Priority ที่เป็น Default มีค่าเท่ากับ 1 แต่สามารถปรับค่าได้ตั้งแต่ 0-255 ซึ่งค่าที่สูงที่สุดคือ 255 แต่ถ้าหากไม่ต้องการให้ Router บางตัวเป็น DR/BDR เลย สามารถตั้งค่า Priority ให้เป็น 0 ได้

            2.ถ้าหากไม่มีการกำหนดค่า Priority หรือค่า Priority มีค่าเท่ากันหมด การเลือก DR/BDR ในลำดับถัดไปจะพิจารณาจากค่า Router ID ถ้าหาก Router ใดที่มีค่า Router ID สูงที่สุด Router ตัวนั้นจะเป็น DR และ IP ที่รองลงมาจะเป็น BDR

            3.เมื่อมีการเลือก DR/BDR เสร็จสิ้นแล้ว Router ตัวอื่นๆ จะเป็นสถานะ DROTHER



ตรวจสอบสถานะที่ Router แต่ละตัว โดยใช้คำสั่ง “show ip ospf neighbor”


  • Router R1 ที่เป็น DR

  • Router R2 ที่เป็น BDR

  • Router R3 ที่เป็น DROTHER

  • Router R4 ที่เป็น DROTHER


ในคอลัมน์ State จะเห็นได้ว่า Router ที่เป็น DROTHER ทุกตัวจะต้องมี State เป็น Full กับ DR และ BDR ในขณะเดียวกัน Router ที่เป็น DR และ BDR จะต้องมีสถานะที่เป็น Full กับ Router ทุกตัว นั่นก็คือ Router ทุกตัวจะต้องมี Database ที่เหมือนกันกับ DR และ BDR นั่นเอง สำหรับ State ที่เป็น 2WAY/DROTHER นั่นหมายถึงเป็น DROTHER ตัวอื่นที่อยู่ใน Multi-Access Network เดียวกัน


เราสามารถใช้คำสั่ง “show ip ospf interface [interface-id]” เพื่อตรวจสอบดูว่ามี Router ใดที่เป็น DR และเป็น BDR บ้าง ผลจากการใช้คำสั่งที่ Router R3 ตามตัวอย่างด้านล่าง จะเห็นได้ว่า R1 เป็น DR และ R2 เป็น BDR



เพิ่มเติม

  # DR/BDR จะไม่รองรับการทำ Preemption หมายความว่าถ้าใน Multi-Access Network นั้นมี DR/BDR อยู่แล้ว หากมี Router ใหม่ที่มีค่า Priority ที่สูงกว่า DR/BDR เพิ่มเข้ามา Router ใหม่ตัวนั้นจะไม่ได้เป็น DR หรือ BDR โดยทันที ในรูปตัวอย่างด้านล่าง Router R6 ได้เพิ่มเข้ามาในเครือข่าย และมีค่า Priority เป็น 200 แต่ DR/BDR ก็ยังคงเป็น R1 และ R2 เหมือนเดิม



  • ที่ Router R1 ทำการตรวจสอบสถานะของ Router R6 หลังจากเพิ่มเข้ามาในเครือข่าย เห็นได้ว่าไม่มีการเปลี่ยนแลง DR/BDR



# DR/BDR จะมีอยู่ภายใน 1 Multicast-Access Network เท่านั้น ซึ่งภายใน 1 Area อาจจะมี Router ที่เป็น DR/BDR หลายตัวก็ได้



Diagram ที่ได้แสดงด้านบน มี Multi Access Network อยู่ 2 Segment คือ Segment ที่ 1 Router R1 เชื่อมต่อเข้ากับ Switch และ Segment ที่ 2 Router R1 เชื่อมต่อกับ Router R5 โดยตรง และจากตัวอย่างใน Diagram นี้ Router R1 เป็น DR สำหรับ 2 Segment


  • ตรวจสอบสถานะที่ Router R1 จะเห็นได้ว่า Router R1 เป็น DR ทั้ง Segment ที่ 1 และที่ 2 ส่วน BDR นั้น Router R2 เป็น BDR ใน Segment ที่ 1 และ R5 เป็น BDR ใน Segment ที่ 2



 
 
 

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating
bottom of page