IPv4 Static Default Route
โดยทั่วไปแล้วถ้าหากต้องการส่ง Packet ไปยัง Network ปลายทาง แต่ Router ตรวจสอบแล้วไม่มี Destination Network ที่ต้องการส่ง Packet อยู่ใน Routing Table เลย Router จะจัดการกับ Packet ที่ได้รับมาอย่างไรบ้าง Router จะทำการตรวจสอบว่ามี Default Route อยู่ใน Routing Table อยู่หรือไม่ ถ้ามีก็จะทำการส่ง Packet นั้นออกไปทาง Default Route แต่ถ้าหากไม่มี Default Route อยู่เลย ก็จะทำการ Drop Packet นั้นทิ้ง
การใช้งาน Default Route ที่เห็นได้ทั่วไป คือ ถ้าหาก Network นั้นมีทางเข้าและทางออกเพียงทางเดียวตามรูปที่ได้แสดงด้านล่าง หรือใช้เพื่อเชื่อมต่อไปยัง Internet
สำหรับการตั้งค่า Static Default Route นั้น ก็มีความคล้ายคลึงกันกับการตั้งค่า Static Route แต่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบคำสั่ง หรือ Command Syntax เพียงเล็กน้อย ซึ่งอาจจะตีความหมายได้ว่า ถ้าหากต้องการไปยัง Network ใดๆ และ Subnet Mask ใดๆ ให้ออกทาง Interface หรือ Next-Hop ที่ได้กำหนดไว้ตามรูปที่ได้แสดงด้านล่าง
จากรูปตัวอย่างที่ได้แสดงด้านบน จะเห็นได้ว่า Router ที่ BRANCH-1 ถ้าหากต้องการไปยัง Network หรือเครือข่ายอื่นๆ จะต้องส่ง Packet ออกไปทางเดียวนั่นก็คือ Interface Eth 0/2 เช่นเดียวกันกับ Router BRANCH-2 นั้น ถ้าหากต้องการสื่อสารกับ Network วงอื่นๆ จะต้องส่ง Packet ออกไป Interface Eth0/3 ซึ่งทั้ง 2 Router สามารถ Config Default Route ได้เลย
ในส่วนของ Router HQ นั้น ยังคงต้องทำการ Config Static Route ของ LAN Router BRANCH-1 และ BRANCH-2 พร้อมทั้ง Default Route เพื่อใช้สำหรับเชื่อมต่อไปยัง Internet
ทำการตรวจสอบหลังจาก Config Static Default Route โดยการใช้คำสั่ง “show ip route” บน Router BRANCH-1
ผลจากการตรวจสอบ Routing Table จะพบว่า มีตัวอักษรที่เป็น “S*” คือ Default Route แบบ Static แสดงอยู่หน้า Network 0.0.0.0/0 นั่นหมายความว่า Network วงใดๆ และ Subnet Mask ใดๆ ก็ได้ ให้ทำการส่งไปยัง 10.0.12.1 [ซึ่งเป็น Router HQ] ซึ่ง Admin เป็นคนกำหนดให้นั่นเอง ในส่วนของค่า AD และค่า Metric/Cost นั้น ก็ยังคงเท่ากับ Static Route คือ AD = 1 และค่า Metric = 0 อีกจุดหนึ่งที่ใช้สำหรับตรวจสอบ Default Route นั่นคือ “Gateway of last resort is to network 0.0.0.0” ซึ่งจะต้องแสดงอยู่ใน Routing Table ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ Default Route สามารถเรียนรู้ผ่าน Protocol อื่นๆ ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น RIP, OSPF และ BGP ซึ่งรูปที่เป็นตัวอย่างด้านล่างนั้น เป็น Default Route ที่เรียนรู้ผ่าน Routing Protocol BGP ซึ่งการตั้งค่าการ Config ก็จะแตกต่างกันออกไป
