top of page

OSPF Router-ID

Router ID คือหมายเลขประจำตัวหรือ IP ที่ใช้เป็นตัวแทนของ Router ตัวนั้นๆ สำหรับ OSPF แล้ว Router ID ถือว่ามีความสำคัญในการทำงานหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยน LSA (Link-State Advertisements) กัน เพื่อให้ใน Area เดียวกันมีภาพ Topology ที่เหมือนกัน, การเลือก DR/BDR (Designated Router and Backup Designated Route) ในเครือข่าย Multiaccess บนเครือข่ายที่ใช้งาน OSPF ห้ามมี Router-ID ที่ซ้ำกัน เพราะอาจจะเกิดปัญหาในการส่งข้อมูล Database ได้ นอกจากนี้ Routing Protocol อื่นก็มีการใช้งาน Router-ID ด้วย เช่น BGP (Border Gateway Protocol )

 

            การเลือก Router ID ของ OSPF

            Router ในใช้งาน OSPF จะต้องมี Router ID เป็นของตัวเอง แล้ว Router ID ได้มาอย่างไร? ลองมาดูตามตัวอย่างรูปด้านล่างกัน

 

1.เป็นการกำหนดเองหรือทำการ Manul Config Router-ID ลงบน Router โดยตรง โดยใช้คำสั่ง “router-id x.x.x.x” ภายใต้ Router OSPF Process


 

            ซึ่งในตัวอย่างนี้ R3 จะมี OSPF Router ID เป็น 10.101.1.1 เนื่องจากมีการ Config ไว้นั่นเอง


            2.ถ้าหากไม่ได้ทำการ Config Router-ID ไว้ ในลำดับถัดไป Router จะมองหา Interface ที่เสถียรที่สุดนั่นก็คือ Interface Loopback เพราะเมื่อทำการ Config Interface Loopback ขึ้นมาแล้ว สถานะของ Interface นี้จะมีสถานะ Up อยู่ตลอดเวลา ถ้าหาก Router มีการ Config Interface Loopback ไว้ หลายๆ Interface Router จะเลือก Interface Loopback ที่มี IP สูงที่สุด มาเป็น OSPF Router ID ดังรูปตัวอย่างด้านล่าง

 


จะเห็นได้ว่า Router R2 มี Interface Loopback อยู่ 2 Interface คือ Interface Loopback 0 และ Interface Loopback 1 โดยที่ OSPF Router ID ของ R2 เป็น 10.102.1.1 ซึ่งมีค่า IP ของ Interface Loopback ที่สูงที่สุดนั่นเอง


            3.ถ้าหากไม่มีการ Config ทั้ง Router-ID และ Interface Loopback ไว้ Router จะมองหา IP ที่สูงที่สุดของ Physical Interface แล้วนำมาเป็น OSPF Router ID ของตัวเองแทน


จากรูป Diagram ด้านบน จะเห็นได้ว่า Router R1 ไม่มีการ Config OSPF Router ID และ Interface Loopback ที่ Router R1 มี 2 Physical Interface ที่เชื่อมต่อไปยัง R2 และ R3 แต่ Router R1 จะเลือก IP 192.168.13.1 เป็น OSPF Router ID ของตัวเอง เนื่องจากเป็น IP ที่สูงที่สุด บน Physical Interface

            สำหรับวิธีการนี้ก็จะเกิดข้อเสียอยู่บ้างถ้าหากในกรณีที่ Interface ที่เชื่อมต่อระหว่าง R1 และ R3 ขาด หรือมีสถานะ Down ลงไป จะทำให้ OSPF Router ID ของ R1 เปลี่ยนไปใช้ Interface ที่เชื่อมต่อ R2 แทน ตามรูปที่แสดงด้านล่าง จึงทำให้ Network เกิดความไม่เสถียร เพราะต้องมีการ Update LSA หรือ Database ของ OSPF กันใหม่

 


 
 
 

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating
bottom of page