top of page

ทำความรู้จักกับสายสัญญา UTP & Fiber Optic


UTP (Unshielded Twisted Pair)

เป็นสายสัญญาณที่นิยมใช้งานในปัจจุบัน จะมีลักษณ์เป็นสายสัญญาณที่ไม่มี่ชีลด์ห่อหุ้ม ภายในเป็นเส้นตีเกลียวกันเป็นคู่ๆ ทั้งหมด 4 คู่ (8 เส้น)


ชนิดของสาย UTP จะรองรับความเร็วแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเภทของ Category ซึ่งมีอยู่หลายประเภท เช่น

  • Category 3 ( CAT-3) ความเร็ว 10 Mbps (Ethernet)

  • Category 5 ( CAT-5) ความเร็ว 100 Mbps (Fast Ethernet)

  • Category 5e ( CAT-5e) ความเร็ว 1000 Mbps (Gigabit Ethernet)

  • Category 6 ( CAT-6) ความเร็ว 1000 Mbps (10 Gigabit Ethernet ที่ระยะสาย 55 เมตร)

  • Category 6a ( CAT-6a) ความเร็ว 10 Gigabit Ethernet

  • Category 7 ( CAT-7) ความเร็ว 10 Gigabit Ethernet

การเข้าสาย UTP ปกติจะมี 2 แบบ

1.แบบสายตรง (Straight-Through)-ใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างประเภทกัน

2.แบบสายไขว้ (Crossover)-ใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ประเภทเดียวกัน (การเชื่อมต่ออุปกรณ์ประเภทเดียวกันในปัจจุบันสามารถใช้การเชื่อมต่อ โดยใช้สาย UTP แบบสายตรง)

ภาพตัวอย่างการเข้าสาย UTP แบบสายตรง(Straight-Through) และแบบสายไขว้ (Crossover)


สายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic)

จะเป็นสายที่ส่งสัญญาณด้วยแสง ข้อดีคือสามารถส่งได้ระยะไกลๆ ความเร็วสูงและไม่มีปัญหาเรื่องสัญญาณรบกวนเหมือนสาย UTP

Fiber Optic แบบ Single mode จะเหมาะกับการเชื่อมต่อที่ระยะไกลๆ ส่วน Multi mode จะเหมาะกับการเชื่อมต่อในระยะใกล้ๆ


ส่วนประกอบของใยแก้วนำแสง (Optical Fiber) จะมีดังต่อไปนี้

  • แคลดดิ้ง (Cladding) เป็นแก้วเช่นกันทำหน้าที่เป็นตัวสะท้อนกลับเพื่อให้แสงไม่สามารถผ่านออกจาก Core ของใยแก้วได้

  • คอร์ (Core) เป็นแก้วทำหน้าที่เป็นแกนในแก้วมีหน้าที่ส่งผ่านสัญญาณแสง

  • Coating เป็นชั้นพลาสติกใสที่เคลือบใยแก้วนำแสงเพื่อช่วยป้องกันความชื้น รอยขีดข่วน และการกระแทกของใยแก้วนำแสง

  • Loose Tube (ท่อหลวม) มีลักษณะเป็นหลอดหลวมๆ ที่มีความทนทานแข็งแรง สามารถป้องกันการกระแทกและแรงดึงต่อ Optical Fibers

  • Central Strength Member เป็นแกนกลางของสายเคเบิลใยแก้วนำแสงที่ทำจากแท่งโลหะหรือฉนวนที่มีความทนทานแข็งแรง ใช้รับแรงดึงที่เกิดจากน้ำหนักของสายเคเบิล หรือแรงกระทำจากภายนอก,

  • Jacket (Sheath) เปลือกนอกสุดของสายเคเบิลใยแก้วนำแสง มีทั้งแบบเปลือกนอกชั้นเดียว (Single Jacket) และแบบเปลือกนอกสองชั้น (Double Jacket) ประกอบด้วย Outer Jacket และ Inner Jacket ซึ่งสามารถป้องกันแรงกระแทกจากภายนอกได้ดีกว่า


ตัวอย่างการเชื่อมต่อ Fiber Optic เข้ากับอุปกรณ์ Network หรือ อุปกรณ์ Switch จะต้องมีอุปกรณ์ SFP หรือ Small Form-Factor (SFP) ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณระหว่างสัญญาณแสงและสัญญาณไฟฟ้า ซึ่งหัว Connector ของ Fiber optic ตามภาพจะเรียกว่าหัวแบบ LC หรือ Little Connector

ดู 1,544 ครั้ง2 ความคิดเห็น
bottom of page